มาทำความรู้จัก ยา อาหารเสริมชาย กันเถอะ
11 มกราคม 2564, 07:43 น.สำหรับผู้ชาย ไม่ว่าใครที่กำลังประสบกับปัญหา นกเขาไม่ขัน คงเป็นเรื่องที่ตลกไม่ออกอย่างแน่น ถ้าหากเกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งปัจจุบัน ผู้ชายหลายคนมักเจอกับอาการเหล่านี้ได้แทบทุกเพศ ทุกวัย ไม่ใช่แค่เพียงว่าต้องมีอายุที่มากขึ้น แล้วจะเกิดอาการนกเขาไม่ขันอย่างในอดีต อาจด้วยเพราะปัจจัยภายนอกในการใช้ชีวิตต่าง ๆ ที่เป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานกเขาไม่ขัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ครบ 5 หมู่ตามที่ร่างกกายต้องการ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะความอ้วนของร่างกาย อาการเครียด เหนื่อยล้า สะสมจากการทำงาน การพักผ่อนน้อย ทั้งหมดนี้คืออีกหนึ่งตัวการที่ทำให้ปัญหานกเขาเกิดขึ้นกับผู้ชายหลายคนอย่างแน่นอน ดังนั้นปัจจุบัน จึงมีการพัฒนายาเกิดขึ้นมาอย่างมากมาย ที่จะมาช่วยกระตุ้นเรื่องของเพศ ให้ตรงกับความต้องการ แก้ปัญหาปัญหานกเขาไม่ขันอย่าง ยา ไวอากร้า (Viagra) แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงหลายคนต้องเคยได้ยิน แต่ที่จริงแล้ว ยาไวอากร้า (Viagra) เป็นอย่างไร มีขั้นตอนในการรับประทานอย่างไร วันนี้บทความนี้จะพาทุกคนทำความรู้จักกับยาตัวนี้กัน
ยาไวอากร้า (Viagra) คืออะไร
ยา ไวอากร้า (Viagra) มีชื่อทางสามัญที่ถูกเรียกว่า ซิลเดนาฟิล (Sildenafil) เป็นยาที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในการรักษา อาการที่เกิดขึ้นในอวัยวะเพศชาย หรือที่เรียก ภาวะหย่อนยานทางสมรรถภาพทางเพศ โดยมีอาการที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้ตามต้องการ ในขณะที่กำลังจะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อยในเพศชาย ซึ่งผลการสำรวจนั้นพบว่า ร้อยละ 16 ของเพศชายที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี จะเจอกับปัญหาเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับ ยาไวอากร้า (Viagra) มีกลไกในการออกฤทธิ์คือ เมื่อผู้ชายรับประทานยาเข้าไป ตัวยาจะเริ่มต้นด้วยการออกฤทธิ์กระตุ้นสารที่มีชื่อเรียกว่า C-GMP (สารไซคลิก-จีเอ็มพี) โดยปกติแล้วนั้น สารตัวนี้จะอาศัยอยู่ที่ในบริเวณผนังหลอดเลือด และเมื่อฝ่ายชาย โดยปกติ ถูกสิ่งเร้าจากปัจจัยภายนอก ที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ จนอวัยวะเพศแข็งตัว จนทำให้ผนังหลอดเลือดที่บริเวณเพศเกิดการขยายใหญ่ขึ้น จนเกิดอาการเลือกหมุนเวียนภายในอวัยวะเพศได้น้อยลง จนทำให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งตัวพร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้นั่นเอง
ซึ่งทำให้มีหลายคนเกิดความเข้าใจผิดว่า ยาไวอากร้า (Viagra) คือยาที่เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของฝ่ายชายให้มากยิ่งขึ้น หรือจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ให้มีความสุขสมทางอารมณ์มายิ่งขึ้น ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะที่จริงแล้ว ยาไวอากร้า (Viagra) คือยาที่ช่วยให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศสามารถเกิดขึ้นได้ และสามารถแข็งตัวเพื่อมีเพศสัมพันธ์ได้ ไม่เกี่ยวกับการกระตุ้นอารมณ์ หรือ ความใคร่แต่อย่างใด ซึ่งหากตราบใดที่การออกฤทธิ์ของไวอากร้ายัง ยังคงทำงานอยู่ภายในร่างกาย ก็สามารถเกิดการแข็งตัวเกิดขึ้นได้หลายครั้ง แม้จะมีเพศสัมพันธ์จนเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม ดังนั้นหากต้องการให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ร่วมด้วยไปกับการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ก็จำเป็นจะต้องอาศัยสิ่งเร้าจากปัจจัยภายนอกเข้ามาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสัมผัส ลูบไล้ การยั่วยวนทางเพศของฝ่ายหญิง ก่อนที่จะเริ่มมีความสัมพันธ์ทางเพศนั่นเอง
ยา ไวอากร้า (Viagra) ที่มีขายในปัจจุบันมีด้วยกันทั้งหมด 4 ชนิด
1. ยา Sildenafil หรือที่เรียกกันอย่างติดปาก และชื่อทางการค้าว่า ไวอากร้า ถือเป็นตัวยาที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด จากทั้งหมด 4 ชนิดด้วยกัน ชั่วโมง โดยเป็นยาที่สามารถเห็นผลในการออกฤทธิ์สูงสุดถึงร้อยละ 57 เลยทีเดียว ซึ่งใช่ว่าการที่เป็นตัวยายอดฮิต ได้รับความนิยมสูง จะมีแต่ข้อดีอย่างเดียว ข้อเสียของตัวยาก็คือ สำหรับการรับประทานยา Sildenafil นั้น ผู้ที่รับประทาน จะต้องเริ่มทานยาก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์เป็นอย่างน้อย 1 จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินใจรับประทานยา และตัวยา Sildenafil นั้นถือเป็นยาไวอากร้า ที่มีระยะในการออกฤทธิ์ค่อนข้างสั้น โดยการออกฤทธิ์ของยานั้น จะอยู่ที่ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง ซึ่งในบางคน เมื่อรับประทานยาตัวนี้เข้าไป ก็อาจได้รับผลข้างเคียงจากการทานยาได้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยจะส่งผลในการมองเห็นที่บริเวณจอตา เมื่อใช้การมอง จะมองเห็นเป็นสีฟ้าอย่างน้อยประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
2. ยา Vardenafil สำหรับชื่อที่ใช้ทางการค้าคือ เลวิตร้า (Levitra) ถือเป็นตัวรองจากยา Sildenafil ไม่มากสักเท่าไหร่ แต่ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือเรื่องการออกฤทธิ์ เพราะยา Vardenafil จะมีการออกฤทธิ์ที่เร็วกว่า Sildenafil อยู่เล็กน้อย และที่แตกต่างออกไปเลยก็คือ ยา Vardenafil นั้นเป็นยาที่ใช้การอม เพื่อให้ยาละลายภายในปาก ต่างจาก ยา Sildenafil ที่ใช้ในการทาน และดื่มน้ำตาม
3. ยา Tadalafil สำหรับชื่อที่ใช้ทางการค้าคือ เซียลิส (Cialis) เป็นอีกหนึ่งตัวที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่เพศชายหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีชื่อเรียกยาตัวนี้กันอย่างติดปากว่า Holiday Pill หรือว่า ยาวันหยุด เพราะว่าวันหยุดเมื่อได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน ก็มักอยากที่จะมีกิจกรรมทางเพศกัน ดังนั้นการรับประทานยา เพื่อให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งตัวได้อย่างยาวนาน จนคู่รักมีความประทับใจ จึงทำให้ใครหลายคนมักเรียกกันว่า ยาวันหยุดนั่นเอง ข้อดีของยา Tadalafil นั้น มีจุดเด่นอย่างมากคือ สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างยาวนาน สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงตั้งแต่ 1 ชั่วโมงหลังเริ่มประทานยา
4. ยา Avanafil สำหรับชื่อที่ใช้ทางการค้าคือ สเตนดร้า (Stendra) เป็นยาน้องใหม่ ที่พึ่งถูกพัฒนาและวางจัดจำหน่ายให้ได้ลองเลือกรับประทานมาไม่นานนัก โดยยาตัวนนี้ได้รับการรับรองจากทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรปเลยทีเดียว โดยจุดเด่นที่สำคัญ จนหลายคนเกิดความสนอกสนใจอยู่ไม่น้อยก็คือ มีการออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็วหลังจากรับประทาน ทำให้ไม่ต้องใช้การวางแผนก่อนการมีเพศสัมพันธ์มากนัก โดยเมื่อรับประทาน ยา Avanafil เข้าไปแล้ว จะเห็นผลออกฤทธิ์ได้ประมาณ 10 – 15 นาทีหลังรับประทาน และสามารถรับประทานก่อน หรือ หลังมื้ออาหารก็ได้โดยที่ไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด แน่นอนว่าข้อดีเยอะขนาดนี้ ก็ย่อมต้องมีข้อเสียอยู่ไม่น้อยเลยเช่นเดียวกัน โดยตัว ยา Avanafil ถือเป็นข้อความอย่างยิ่งสำหคับคนที่กำลังรับประทานยาในกลุ่ม ไนเตรท ซึ่งอาจส่งผลให้ถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว เพราะ ยา Avanafil นั้นจะไปทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ จนถึงขั้นวิกฤตได้ ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นหลังรับประทาน ยา Avanafil ก็จะมีอาการ หน้าแดง ตัวร้อนลุ่มวูบวาบ หน้ามืด ปวดหัว คลื่นไส้ คัดจมูก มีน้ำมูกไหล เป็นต้น
วิธีการรับประทาน ยาไวอากร้า (Viagra) อย่างไรให้ได้ผลที่สุด
แน่นอนว่าการรับประทาน ยา ไวอากร้า (Viagra) นั้นไม่ใช่นึกอยากจะทานขึ้นมา ก็ทานได้เลย แต่การรับประทาน ยาไวอากร้า (Viagra) ที่ถูกวิธีจะช่วยทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยวิธีการรับประทานยามีดังนี้
- ควรเลือกรับประทานยา ก่อนที่จะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง – 1 ชั่วโมงครึ่งเป็นอย่างต่ำ เพราะการรับประทานยาไวอากร้านั้น ไม่ใช่รับประทานไปแล้ว อวัยวะเพศจะเกิดการแข็งตัวในทันที ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องรอให้ยาทำการออกฤทธิ์เสียก่อน
- รับประทานยาหลังทานอาหาร อย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมง
- เมื่อรับประทานยาแล้ว ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ไว และเห็นผลดีมากยิ่งขึ้น
- ไม่ควรอย่างยิ่งในการรับประทานยาไวอากร้า ควบคู่ไปกับการดื่มแอลกอลฮอล์
- ควรปรึกษาแพทย์ให้ดีเสียก่อน เพื่อตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย และความพร้อมของตนเองก่อนที่จะรับประทาน
- หากมีโรคประจำตัว ก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ก่อนเริ่มรับประทานยาไวอากร้า
สุดท้ายการรับประทาน ยา ไวอากร้า (Viagra) ก็เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งปัจจัย ที่จะช่วยเสริมสมรรถภาพในการมีเพศสัมพันธ์ของคู่รัก ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของผู้ที่ใช้งานด้วยเช่นเดียว